วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ประโยชน์ของโกโก้


ดื่มโกโก้วันละแก้วสุขภาพดีนอกชาหรือไวน์แดงแล้ว โกโก้ก็อุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ไม่แพ้กันค่ะผลการศึกษาชิ้นใหม่พบว่านอกจาก ชา หรือไวน์แดง ที่รู้กันดีว่ามีสารแอนตี้ออกซิแดนท์ หรือสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโรคได้หลายโรค รวมถึงยังป้องกันผลกระทบจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ยังมีอาหารอีกชนิดหนึ่ง นั่นก็คือ "โกโก้" ที่มีคุณสมบัติมากกว่าเครื่องดื่มเสริมสุขภาพที่ว่ามาเสียอีกนักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐอเมริกาศึกษาพบว่า โกโก้ร้อน 1 ถ้วยนั้นอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ มากกว่าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีเช่น ชา หรือ ไวน์แดงทั้งนี้ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผลการศึกษาหลายชิ้นได้เน้นถึงคุณสมบัติในการเสริมสร้างสุขภาพทีพบใน ชา ไวน์แดง และโกโก้ โดยมีงานวิจัยในจีน ตีพิมพ์เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วพบว่า คนที่ดื่มน้ำชาเป็นประจำนั้นมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งน้อยกว่าคนที่ไม่ดื่มกว่าครึ่งหนึ่งปีที่แล้ว นักวิจัยในฝรั่งเศสรายงานว่า ดื่มไวน์แดงวันละแก้ว อาจช่วยลดโอกาสความเสี่ยงของโรคหัวใจ และในปี 1998 ได้มีการศึกษากับคนอเมริกันกว่า 8,000 คนพบว่าช็อกโกแลต ซึ่งผลิตมาจากโกโก้ นั้นอาจช่วยให้อายุยืนขึ้น เนื่องจากอุดมไปด้วย โพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยกวาดล้างของเสียที่ผลิตจากร่างกาย โดยของเสียเหล่านั้นมีส่วนทำลายเซลล์ และก่อให้เกิดมะเร็งได้ในการศึกษาล่าสุดนี้ ดร. ชาง ยง ลี และคณะ จากมหาวิทยาลัยคอร์แนล ในนิวยอร์ก ได้ทำการทดสอบโดยวัดระดับสารต่อต้านอนุมูลอิสระใน ชา ไวน์แดง และโกโก้ พบว่าโกโก้ถ้วยหนึ่งนั้นมีสารแอนตี้ออกซิแดนท์มากที่สุด โดยมีมากกว่า ไวน์แดง 1 แก้วถึง 2 เท่า มากกว่าชาเขียว 1 ถ้วยถึง 3 เท่า และมากกว่าชาดำถึง 5 เท่าเลยทีเดียวแม้ว่าโกโก้จะถูกนำไปทำเป็นอาหารหลายอย่างรวมทั้ง ช็อกโกแลต แต่นักวิจัยเผยว่าทางที่ดีที่สุดที่จะได้รับคุณค่าสารอาหารอย่างเต็มที่ ก็คือการดื่มโกโก้ โดยตรง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าในช็อกโกแลต 1 แท่งอุดมไปด้วยไขมัน โดยช็อกโกแลตแท่ง ขนาด 40 กรัมนั้นมีไขมันมากถึง 8 กรัม ขณะที่โกโก้ร้อน 1 ถ้วยมีไขมันเพียงแค่ประมาณ 0.3 กรัมเท่านั้น"แม้เรารู้ว่าสารต่อต้านอนุมูลอิสระนั้นดีต่อสุขภาพของเรามาก แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าในแต่ละวัน เราต้องการสารนี้กันจำนวนเท่าใด" ดร. ลี กล่าว "แต่กระนั้น โกโก้ร้อน ถ้วยหรือ สองถ้วย ก็ช่วยในด้านของความอร่อย ดื่มแล้วก็ทำให้รู้สึกอุ่น และช่วยเสริมสร้างสุขภาพจากสารแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ได้รับอีกด้วย"

วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ดอกเบญจมาศ (Chrysanthemum)


แม้ว่าเบญจมาศ อาจจะเป็นดอกไม้ที่เราพบเห็นกันเสมอ
แต่น้อยคนจะรู้ว่า ดอกเบญจมาศ นั้น มีคุณค่าทางจิตใจ
ดอกเบญจมาศ เป็นตัวแทนของสิ่งดีๆ ตามตำนานของเอเซีย
และยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย ทำให้ดอกเบญจมาศนั้น
ได้รับความนิยมมายาวนาน เคียงคู่ภูมิปัญญาตะวันออก นั่นเอง
.....

ถิ่นกำเนิดดั้งเดิม ของ เบญจมาศ เชื่อว่าอยู่ใน ประเทศจีน
คนจีนเรียกดอกเบญจมาศ ว่า เก็กฮวย
ส่วนชาวญี่ปุ่นเรียกดอกเบญจมาศ ว่า คิกุโนะฮานะ
เป็นตัวแทนความรักความจริงใจและแสงสว่างแห่งความหวัง
คิกุโนะ เป็นชื่อของ หญิงสาวชาวญี่ปุ่น ตามตำนานที่เล่าสืบมา
หญิงสาวผู้นี้มีความรักให้กับสามีอย่างลึกซึ้ง
ต่อมา สามีเธอป่วย เธอจึงได้บรวงสรวงถามเทพเจ้า
ถึงระยะเวลาที่จะได้ครองคู่อยู่กับสามีของเธอ
ทันใดนั้น ก็เกิดนิมิตประหลาด บอกกับเธอว่า
หากเธอสามารถหาดอกไม้ที่มีจำนวนกลีบมากๆมาบูชาเทพเจ้า
ก็จะทำให้สามีของเธอ มีอายุยืนยาวเท่ากับจำนวนกลีบของดอกไม้นั้น
เธอจึงพยายามแสวงหาดอกไม้ที่มีกลีบมากที่สุด
แต่ก็ไม่มีดอกไหนเลยที่มีจำนวนกลีบมากเท่าที่เธอต้องการ
ในที่สุด เธอก็ตัดสินใจเอาดอกไม้ที่มีกลีบมากที่สุด
มากรีดให้แต่ละกลีบเป็นฝอยยาว
จนกลายเป็นดอกไม้ที่มีกลีบนับไม่ถ้วน
เทพเจ้าเห็นความตั้งใจจริง ของ คิกุโนะ
จึงบันดาลให้สามีเธอหายป่วย และอยู่ครองคู่กับเธอไปชั่วกาลนาน
.....

ดอกเบญจมาศ ถือเป็นสัญลักษณ์ของความดีงามอันเป็นมงคล
แม้แต่ตราจักรพรรดิญี่ปุ่น ก็เป็นรูปดอกเบญจมาศ 16 กลีบ
นอกจากนี้ เชื่อกันว่า เบญจมาศ มีสรรพคุณ เป็นยาอายุวัฒนะ
หากนำดอกเบญจมาศใส่ในถ้วยเหล้าสาเก
แล้วดื่มเหล้าสาเก ในวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 (เดือนตุลาคม)
จะทำให้เราคงความหนุ่ม สาว ไว้ได้ตลอดกาลเลยทีเดียว
ด้วยความสวยงามโดดเด่น และมีตำนานที่น่าชื่นชม
ทำให้ดอกเบญจมาศได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก
ในอังกฤษ นั้น ดอกเบญจมาศ เป็นดอกไม้ประจำเดือน พฤศจิกายน
เบญจมาศ พันธ์ดอกสีขาว ขนาดเล็ก กลิ่นหอม
ที่นำมาตากแห้ง แล้วต้มน้ำร้อนดื่ม เรารู้จักกันดี คือ น้ำเก็กฮวย
มีสรรพคุณ แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้อ่อนเพลีย
เป็นยาชูกำลัง และ บำรุงหัวใจ ได้เป็นอย่างดี
นี่แหละครับ ดอกเบญจมาศ ดอกไม้ที่สวยงามและสดใส
....
The chrysanthemum is the floral emblem of the imperial family of Japan. Known to have been cultivated in China as far back as the 1400s BCE, it first made its way to Japan sometime in the 900s, and was adopted as the emperor's official seal. Crown Prince Akihito assumed the Chrysanthemum Throne, the world's oldest monarchy, after the death of his father, Hirohito, on January 7, 1989. His position as the 125th Japanese monarch was formally accepted on this date in 1990.

วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

10 วิธีทำให้หน้าใส ไร้สิว


10 วิธีทำให้หน้าใส ไร้สิวสำหรับคนที่หน้าไม่ใสหรือเป็นสิว ฟังทางนี้!! คุณกำลังประสบปัญหาเรื่องหน้าไม่ใสหรือสิวขึ้นใช่หรือไม่ ถ้าคุณเจอปัญหาเล่านี้มีทางแก้แล้ว เขาวิจัยกันมาแล้วกว่า 80 % 1.คุณจะต้องนอนไม่เกิน 4 ทุ่ม ให้นอนระหว่าง 3 - 3.30 ทุ่ม ข้อแรกสำคัญ2. ถ้าเป็นเพศชาย กรุณาอย่าชัก...บ่อยติดต่อกัน(ลองเว้นระยะซัก 1 อาทิตย์ แล้วดูผล) 3. ถ้าเป็นเพศหญิง ตอนประจำเดือนมาอย่าพยายามกินของมันและ อย่าให้ผมปิดหน้าเพราะเมื่อมีประจำ...ผมคุณจะไม่สะอาด แต่เค้าสำรวจแล้ว 4.อย่าล้างหน้าบ่อย ให้ล้างวันละ 2 ครั้ง มากสุด 3 เพราะจะทำให้หน้าคุณบางลง เมื่อหน้าคุณบางหน้าคุณจะอ่อนแอ แพ้ง่ายทำให้เป็นสิวได้ง่าย แต่มีบางคนเขาเถียงว่าถ้าไม่ล้างหน้า บ่อยๆจะทำให้หน้ามัน(สำหรับบางคนที่หน้ามันง่าย)แล้วสิวจะขึ้น มีวิธีแก้คือให้ใช้วิธีทาแป้งบ่อยๆหน้าคุณจะไม่มันแต่ถ้าคุณแพ้ แป้งละก็ให้ใช้ดินสอพองผสมกับน้ำมะนาวโบ๊ะหน้าไว้ เพื่อไม่ให้หน้ามัน5.ควรออกกำลังกายด้วยวันละ 1 คร้ง นานเท่าไหร่แล้วแต่แต่ขั้นต่ำ ไม่เกิน 30 นาที เมื่อคุณออกกำลังหายเสร็จ อย่าพึ่งล้างหน้าโดนเด็ดขาด ถ้าคุณล้าง หน้าเลยจะทำให้เกิดฝ้าขึ้นได้ เพราะหน้าคุณกำลังร้อนอยู่เจอน้ำเย็น จะทำให้ใบหน้าของคุณเสียได้และขึ้นฝ้า 6.ไม่ควรกินของมัน แต่สำหรับคนที่อดใจไม่ไหว มีวิธีแก้คับคุณกินน้ำตามเมื่อคุณกินของมันเสร็จกินมากๆจะช่วยได้7.กินน้ำเยอะๆ เยอะๆนี่ไม่ได้หมายความว่า 7-8 แก้ว กินเมื่อฉี่ พอฉี่เสร็จก็ดื่มน้ำอย่างน้อย ครึ่งแก้วตาม เสมอมันจะระบายของเสียออกจากร่างกายคุณและหน้าคุณจะใสไร้ สิว 8. พยายามอย่าให้หน้าคุณโดนแดดแรงๆมากๆจะทำให้สิวขึ้น 9.คุณควรจะแยกผ้าใช้ เช่น ผ้าเช็ดหน้าก็ส่วนผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ด ตัวก็ส่วนผ้าเช็ดตัว อย่างนี้เป็นต้น 10. อย่าพยายามให้หน้าคุณโดนฝุ่นผงเพราะจำทำให้คุณเป็นสิวหัว ช้างได้ 11.ทำตาม 10 ข้อข้างบนได้หน้าคุณจะใสและไร้สิว ****ถ้าคุณทำได้อยากที่โพสไปนี้อย่าน้อย 1 อาทิตย์คุณจะหน้าใส และสิวน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ****

วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Egypt


อียิปต์โบราณ หรือ ไอยคุปต์ เป็นหนึ่งในอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ทางตอนตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา มีพื้นที่ตั้งแต่ตอนกลางจนถึงปากแม่น้ำไนล์ ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของประเทศอียิปต์ อารยธรรมอียิปต์โบราณเริ่มขึ้นประมาณ 3150 ปีก่อนคริตศักราชโดยการรวมอำนาจทางการเมืองของอียิปต์ตอนเหนือและตอนใต้ ภายใต้ฟาโรห์องค์แรกแห่งอียิปต์ และมีการพัฒนาอารยธรรมเรื่อยมากว่า 3,000 ปี ประวัติของอียิปต์โบราณปรากฏขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรือที่รู้จักกันว่า "ราชอาณาจักร" มีการแบ่งยุคสมัยของอียิปต์โบราณเป็นราชอาณาจักร ส่วนมากแบ่งตามราชวงศ์ที่ขึ้นมาปกครอง จนกระทั่งราชอาณาจักรสุดท้าย หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า "ราชอาณาจักรใหม่" อารยธรรมอียิปต์อยู่ในช่วงที่มีการพัฒนาที่น้อยมาก และส่วนมากลดลง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันที่อียิปต์พ่ายแพ้ต่อการทำสงครามจากอำนาจของชาติอื่น จนกระทั่งเมื่อ 31 ปีก่อนคริตศักราชก็เป็นการสิ้นสุดอารยธรรมอียิปต์โบราณลง เมื่อจักรวรรดิโรมันสามารถเอาชนะอียิปต์ และจัดอียิปต์เป็นเพียงจังหวัดหนึ่งในจักรวรรดิโรมัน
อารยธรรมอียิปต์พัฒนาการมาจากสภาพของลุ่มแม่น้ำไนล์ การควบคุมระบบชลประทาน, การควบคุมการผลิตพืชผลทางการเกษตร พร้อมกับพัฒนาอารยธรรมทางสังคม และวัฒนธรรม พื้นที่ของอียิปต์นั้นล้อมรอบด้วยทะเลทรายเสมือนปราการป้องกันการรุกรานจากศัตรูภายนอก นอกจากนี้ยังมีการทำเหมืองแร่ และอียิปต์ยังเป็นชนชาติแรกๆที่มีการพัฒนาการด้วยการเขียน ประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นใช้ ,การบริหารอียิปต์เน้นไปทางสิ่งปลูกสร้าง และการเกษตรกรรม พร้อมกันนั้นก็มีการพัฒนาการทางทหารของอียิปต์ที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งแก่ราชอาณาจักร โดยประชาชนจะให้ความเคารพกษัตริย์หรือฟาโรห์เสมือนหนึ่งเทพเจ้า ทำให้การบริหารราชการบ้านเมืองและการควบคุมอำนาจนั้นทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ชาวอียิปต์โบราณไม่ได้เป็นเพียงแต่นักเกษตรกรรม และนักสร้างสรรค์อารยธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นนักคิด, นักปรัชญา ได้มาซึ่งความรู้ในศาสตร์ต่างๆมากมายตลอดการพัฒนาอารยธรรมกว่า 3,000 ปี ทั้งในด้านคณิตศาสตร์, เทคนิคการสร้างพีระมิด, วัด, โอเบลิสก์, ตัวอักษร และเทคนิคโลยีด้านกระจก นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาประสิทธิภาพทางด้านการแพทย์, ระบบชลประทานและการเกษตรกรรม อียิปต์ทิ้งมรดกสุดท้ายแก่อนุชนรุ่นหลังไว้คือศิลปะ และสถาปัตยกรรม ซึ่งถูกคัดลอกนำไปใช้ทั่วโลก อนุสรณ์สถานที่ต่างๆในอียิปต์ต่างดึงดูดนักท่องเที่ยว นักประพันธ์กว่าหลายศตวรรษที่ผ่านมา ปัจจุบันมีการค้นพบวัตถุใหม่ๆในอียิปต์มากมายซึ่งกำลังตรวจสอบถึงประวัติความเป็นมา เพื่อเป็นหลักฐานให้แก่อารยธรรมอียิปต์ และเป็นหลักฐานแก่อารยธรรมของโลกต่อไป
Ancient Egypt was an ancient civilization of eastern North Africa, concentrated along the lower reaches of the Nile River in what is now the modern country of Egypt. The civilization coalesced around 3150 BC with the political unification of Upper and Lower Egypt under the first pharaoh, and it developed over the next three millennia. Its history occurred in a series of stable Kingdoms, separated by periods of relative instability known as Intermediate Periods. Ancient Egypt reached its pinnacle during the New Kingdom, after which it entered a period of slow decline. Egypt was conquered by a succession of foreign powers in this late period, and the rule of the pharaohs officially ended in 31 BC when the early Roman Empire conquered Egypt and made it a province.
The success of ancient Egyptian civilization stemmed partly from its ability to adapt to the conditions of the Nile River Valley. The predictable flooding and controlled irrigation of the fertile valley produced surplus crops, which fueled social development and culture. With resources to spare, the administration sponsored mineral exploitation of the valley and surrounding desert regions, the early development of an independent writing system, the organization of collective construction and agricultural projects, trade with surrounding regions, and a military intended to defeat foreign enemies and assert Egyptian dominance. Motivating and organizing these activities was a bureaucracy of elite scribes, religious leaders, and administrators under the control of a pharaoh who ensured the cooperation and unity of the Egyptian people in the context of an elaborate system of religious beliefs.
The many achievements of the ancient Egyptians include the quarrying, surveying and construction techniques that facilitated the building of monumental pyramids, temples, and obelisks; a system of mathematics, a practical and effective system of medicine, irrigation systems and agricultural production techniques, the first known ships, Egyptian faience and glass technology, new forms of literature, and the earliest known peace treaty. Egypt left a lasting legacy. Its art and architecture were widely copied, and its antiquities carried off to far corners of the world. Its monumental ruins have inspired the imaginations of travellers and writers for centuries. A newfound respect for antiquities and excavations in the early modern period led to the scientific investigation of Egyptian civilization and a greater appreciation of its cultural legacy, for Egypt and the world.

วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

บล็อกใหม่ๆกับอะไรใหม่ๆ(New Blog)

เมื่อวาน เพิ่งสมัครบล็อกใหม่ ตามคำเเนะนำ(คำสั่ง)ของท่านอาจารย์เกรียงไกร 555
วันนี้ก็เลยมาอัพข้อมูล ถึงมันอาจจังยังไร้สาระอยู่บ้าง(ก็เพิ่งหัดทำ)
เเต่ก็จะมาเรียนรู้เเละศึกษาบ่อยๆ เพื่อพร้อมที่จะเป็นเว็บที่ดีสำหรับการศึกษาข้อมูล ใหม่ๆ